SCB EIC ชี้อุตสาหกรรมเหล็กไทย 68 เผชิญแรงกดดันจากนำเข้าราคาถูก

13 พฤษภาคม 2568
SCB EIC ชี้อุตสาหกรรมเหล็กไทย 68 เผชิญแรงกดดันจากนำเข้าราคาถูก

แนวโน้มการใช้เหล็กไทยปี 2568 จะเติบโต 1.7% จากโครงการรัฐ แต่ราคายังลดลงต่อเนื่องจากแรงกดดันเหล็กนำเข้าราคาถูก ขณะผู้ผลิตในประเทศเผชิญศึกแข่งขันรุนแรง

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ได้เปิดเผยการวิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมเหล็กของไทยในปี 2568 จะยังเผชิญความท้าทายจากแรงกดดันของเหล็กนำเข้าราคาถูก โดยเฉพาะจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

แม้คาดว่าปริมาณการใช้เหล็กในประเทศจะเพิ่มขึ้น 1.7% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 16.2 ล้านตัน แต่ราคายังคงลดลงต่อเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ลดลง โดยราคากลางของเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบนปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 20,900 บาท/ตัน และ 22,700 บาท/ตัน ลดลง 3.9% และ 5.6% ตามลำดับ

แรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในปีนี้ มาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้าจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่ง สาธารณูปโภค และการก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศยังมีแนวโน้มลดลง

ด้านการผลิตในประเทศ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยราว 2.3% มาอยู่ที่ 6.4 ล้านตัน โดยเฉพาะในกลุ่มเหล็กทรงยาวสำหรับการก่อสร้าง แต่การผลิตเหล็กทรงแบนยังถูกกดดันจากการแข่งขันกับเหล็กนำเข้า ซึ่งส่งผลให้ระดับการใช้กำลังการผลิตยังต่ำกว่า 60% โดยเฉพาะในกลุ่มเหล็กรีดร้อนซึ่งต่ำเพียง 32%

ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อผู้ผลิตไทยคือ การนำเข้าเหล็กราคาถูกจากจีนที่ยังคงล้นตลาด หลังเผชิญภาวะ Overcapacity จากภาคอสังหาฯ ในประเทศจีนไม่ฟื้นตัว ขณะที่มาตรการของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล “ทรัมป์ 2.0” ที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% มีแนวโน้มให้ประเทศที่เคยได้รับการยกเว้น เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หันมาระบายสินค้ามายังไทยแทน

ในระยะสั้น เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลต่อโครงสร้างอาคารในช่วงเดือนมีนาคม ทำให้เกิดแรงขับเรื่องมาตรฐานสินค้าเหล็ก โดย SCB EIC คาดว่าอาจเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตเหล็กไทยที่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม ได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

ขณะที่ในระยะยาว อุตสาหกรรมเหล็กไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวสู่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับเทรนด์โลก เช่น Carbon Neutrality และ CBAM ของสหภาพยุโรป โดยกลุ่มผู้ผลิตที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้พลังงานสะอาด และจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีแต้มต่อในการแข่งขันสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม SCB EIC ยังระบุว่า ภาครัฐจำเป็นต้องสนับสนุนด้วยมาตรการเชิงรุก อาทิ การปรับภาษีนำเข้า การคุมเข้มมาตรการ Anti-Dumping และ Anti-Circumvention รวมถึงการควบคุมคุณภาพสินค้าเหล็กนำเข้า เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมเหล็กไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.